เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด เมืองคาร์บอนต่ำ ที่มุ่งมั่นเกินร้อยเปลี่ยนเมืองผ่านสู่เมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน
เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด เมืองที่หลายคนรู้จักในฐานะเมืองผ่านสำคัญไปอำเภอและจังหวัดอื่น ในวันนี้ร้อยเอ็ดไม่ใช่แค่เมืองผ่านอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยว ด้วยแลนด์มาร์กสำคัญอย่างหอโหวด ๑๐๑ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองคาร์บอนด์ต่ำ ผ่านโครงการ T-VER อีกด้วย เรามาดูวิธีบริหารจัดการของเทศบาลเมืองร้อยเอ็ดกันว่าทำอย่างไรจึงเปลี่ยนผ่านสู่เมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืนได้สำเร็จ
ทำความรู้จัก เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด
เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ตั้งอยู่ใน อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด มีพื้นที่ประมาณ 11.63 ตารางกิโลเมตร เป็นเมืองขยายตัวทางเศรษฐกิจ มีศูนย์รวมสถานที่ราชการ ศูนย์รวมการค้าและบริการอยู่รอบ ๆ บึงพลาญชัย ถือเป็นเมืองชุมทางที่สำคัญแห่งหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเส้นทางคมนาคมที่สะดวกสะบาย ติดต่อกับอำเภอและจังหวัดต่าง ๆ ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็น ถนนเทวาภิบาล, ถนนแจ้งสนิท, ถนนปัทมานนท์, ถนนสุริยเดชบำรุง, ถนนรณชัยชาญยุทธ, ถนนราชการดำเนิน และถนนเลี่ยงเมือง รวมถึงยังสามารถไปยังมหาสารคามและกาฬสินธุ์ได้ง่ายอีกด้วย
ในอดีตแม้เทศบาลเมืองร้อยเอ็ดจะมีเส้นทางคมนาคมที่สะดวกต่อการข้ามอำเภอและจังหวัดต่าง ๆ แต่ไม่ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นรายได้และเศรษฐกิจให้ท้องถิ่นได้เท่าที่ควร นายกเทศมนตรี เจ้าหน้าที่เทศบาล และประชาชนในพื้นที่จึงร่วมมือร่วมใจกันสร้าง “หอโหวด ๑๐๑ หรือ ROI ET TOWER” เพื่อเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ ที่มีทั้งศูนย์การค้า หอประชุม จุดชมวิวเมือง จุดจัดแสดงนิทรรศการ และที่ประดิษฐาน “พระพุทธมิ่งเมืองมงคล” พระพุทธรูปสำคัญประจำจังหวัดร้อยเอ็ด
โครงการ T-VER เมืองคาร์บอนต่ำ เพิ่มคุณภาพชีวิต ดึงดูดการลงทุน สู่เมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน
ไม่เพียงเท่านั้นยังมุ่งมั่นพัฒนาเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืนด้วยการเข้าร่วมโครงการ T-VER เมืองคาร์บอนด์ต่ำ มาดูกันว่าโครงการนี้คืออะไร และช่วยนำรายได้มาสู่ท้องถิ่นได้อย่างไรบ้าง โครงการ T-VER ก็คือโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) ตามที่องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ได้กำหนด และสามารถนำปริมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้น ที่เรียกว่าคาร์บอนเครดิตไปขายในตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจในประเทศได้
ด้วยความที่การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ที่มาพร้อมโอกาสในการดึงดูดนักลงทุนเป็นเรื่องสำคัญ นายกเทศมนตรีและเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองร้อยเอ็ดจึงต้องการสร้างเมืองคาร์บอนด์ต่ำที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน โดยเข้าร่วมโครงการ T-VER ภายใต้การสนับสนุนจากมูลนิธิ Future of the carbon market สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โดยเทศบาลเมืองร้อยเอ็ดได้มีระบบการจัดการขยะชุมชนและการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนด้วยวิธีเชิงกลและทางชีวภาพ(RDF) โดยจัดทำโครงการจัดการขยะเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิง โดยเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ซึ่งในปี พ.ศ. 2563 ได้รับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจก (GHG) มากถึง 15,953 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO. 2 eq) ซึ่งการพัฒนาเมืองคาร์บอนต่ำของร้อยเอ็ด ไม่เพียงสามารถลดก๊าซเรือนกระจก และนำคาร์บอนเครดิตไปขาย เพื่อสร้างรายได้ท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้มีสุขภาพกายและใจที่ดี อีกทั้งยังดึงดูดการลงทุนได้ด้วย
One Stop Service ยกระดับงานบริการ ถูกใจประชาชน เสริมเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน
เทศบาลเมืองร้อยเอ็ดต้องการเพิ่มความสะดวกสบายในการบริการประชาชน และเก็บข้อมูลเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเมือง จึงจัดตั้งศูนย์บริการร่วมแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ณ สำนักงานเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ไม่เพียงเท่านั้นยังมีบริการผ่านทางช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ของเทศบาลด้วยเช่นกัน ซึ่งประชาชนสามารถร้องทุกข์-ร้องเรียน แจ้งเหตุ ติดต่องานทะเบียนราษฎร์ และการขออนุญาตต่าง ๆ ได้ ร่วมทั้งมีข้อมูลเปิดบางส่วน เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบและมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการเมืองอีกด้วย
ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมนำทางการบริหารจัดการเมือง สร้างเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน
คงจะเห็นแล้วว่าเทศบาลเมืองร้อยเอ็ดมีความมุ่งมั่นเกินร้อยแค่ไหน ในการพัฒนาเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็น การสร้างหอโหวด ๑๐๑ ในการเป็นแลนด์มาร์ก การสร้างเมืองคาร์บอนด์ต่ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ดึงดูดการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น นอกจากนี้เทศบาลเมืองร้อยเอ็ดยังได้ร่วมมือกับบริษัท เบดร็อค อนาไลติกส์ จำกัด (Bedrock) ในการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลข้อมูลเมือง (CDDP) ระบบอนุญาตและควบคุมอาคารอัจฉริยะ (Smart Building Permit) ระบบบริหารทรัพย์สินอัจฉริยะ (Smart Asset Management) และระบบแจ้งเหตุร้องเรียน เพื่อยกระดับเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืนในการบริหารจัดการเมืองด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล รวมถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้ทรัพยากร และยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น
เชื่อแน่ว่าในอนาคตเมื่อนำ Big Data และเทคโนโลยีอัจฉริยะมาพัฒนาเป็นระบบอย่างสมบูรณ์แล้ว เทศบาลเมืองร้อยเอ็ดจะสามารถบริหารจัดการเมือง ทั้งวิเคราะห์ วางแผน ควบคุมงบประมาณ และจัดสรรทรัพยากรท้องถิ่น รวมถึงยกระดับบริการภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืนที่ดีกว่าเดิมแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบ
https://roietmunicipal.go.th/roiet/